นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัท เบย์คัช จำกัด
บริษัท เบย์คัช จำกัด เคารพความเป็นส่วนตัวด้านข้อมูลอันเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) ซึ่งเรามุ่งมั่นที่จะปกป้องความเป็นส่วนตัวของลูกค้าทุกท่าน นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้อธิบายถึงประเภทของข้อมูล และวิธีการที่บริษัทฯ ปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เช่น การเก็บรวบรวม การจัดเก็บรักษา การใช้ การเปิดเผย รวมถึงสิทธิต่างๆ ของท่าน เป็นต้น เพื่อให้ท่านรับทราบถึงนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จึงขอประกาศนโยบายส่วนบุคคลดังต่อไปนี้
ข้อมูลส่วนบุคคล
หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถือแก่กรรมโดยเฉพาะ ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม
- รายละเอียดส่วนบุคคลของท่าน หรือของบุคคลอื่น ที่ท่านให้ไว้แก่บริษัทฯ หรือที่บริษัทฯ ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงโดยท่าน
- ข้อมูลความน่าเชื่อถือ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงสถานะความน่าเชื่อถือ (Credit standing) และสถาบันทางการเงิน จากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ ผู้ให้บริการประเมินความน่าเชื่อถือ ซึ่งใช้เพื่อการประเมินความน่าเชื่อถือ การบริหารความเสี่ยง และการทำแบบจำลองด้านเครดิต (Credit modelling)
แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
- บริษัทฯ จะรวบรวมข้อมูลที่ท่านได้ให้ไว้ขณะสมัครใช้บริการบัตรกดเงินสดยูเมะพลัส สินเชื่อผ่อนชำระ การสมัครใช้บริการ หรือทำธุรกรรมออนไลน์ ไม่ว่าช่องทางใดๆ ก็ตาม และข้อมูลการร่วมกิจกรรมต่างๆ บนสื่อออนไลน์ของบริษัทฯ หรือข้อมูลที่ได้จากการที่ท่านติดต่อกับบริษัทฯ หรือทีมงานของบริษัทฯ
- เมื่อท่านให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นแก่บริษัทฯ ท่านขอยืนยันว่าท่านได้แจ้ง และได้รับอนุญาตจากเจ้าของข้อมูล เพื่อการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ซึ่งจะถูกใช้ตามวัตถุประสงค์ของบริษัทฯ ต่อไป
วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูล
บริษัทฯ อาจรวบรวม ประมวลผล และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อ
1. การพิจารณาอนุมัติ และปฏิบัติตามสัญญาสินเชื่อส่วนบุคคลระหว่างท่านกับบริษัทฯ ซึ่งหมายรวมถึงขั้นตอนต่างๆ ที่จำเป็น เช่น การติดต่อเพื่อเข้ารับเอกสารจากท่านสำหรับประกอบการพิจารณา และอนุมัติสินเชื่อ
2. สร้าง ปรับปรุง จัดการ และส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการ ผลประโยชน์ และสิทธิพิเศษต่างๆ
3. ให้การบริการของบริษัทฯ แก่ท่าน รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการประมวลผลธุรกรรมใดๆ ของท่าน
4. ดำเนินการตามคำขอ ท่านเป็นผู้ยื่นคำร้องขอแก่บริษัทฯ เอง
5. นำส่งใบแจ้งหนี้ จดหมาย และ/หรือเอกสารที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหมายรวมถึงการนำส่งในรูปแบบสื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ (SMS, Email)
- ปฏิบัติตามกฎหมาย และข้อบังคับของหน่วยงานที่กำกับดูแลบริษัทฯ
7. ปกป้องผลประโยชน์โดยชอบของบริษัทฯ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การรักษาความปลอดภัยของสถานที่ และทรัพย์สิน การวิเคราะห์ข้อมูล การรับประกันคุณภาพของบริการ การตรวจสอบของผู้ตรวจสอบทั้งภายในและภายนอก การรักษาความปลอดภัยของเทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่าย และการบริหารสินเชื่อและความเสี่ยง
8. การจัดการข้อร้องเรียนที่ท่านมีต่อบริษัทฯ
9. ประโยชน์ในการจัดทำฐานข้อมูล และใช้ข้อมูลเพื่อเสนอสิทธิประโยชน์ต่างๆ หรือเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์ และนำเสนอบริการ หรือผลิตภัณฑ์ใดๆ ของบริษัทฯ หรือเพื่อนำมาพัฒนา ปรับปรุง ด้านการตลาด ผลิตภัณฑ์ และการให้บริการเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า
การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยจะกระทำโดยมีวัตถุประสงค์ ขอบเขต และใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมาย โปร่งใส และเป็นธรรม ภายใต้ฐานการประมวลผล ดังต่อไปนี้
• เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาระหว่างท่านกับบริษัทฯ หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนที่จะเข้าทำสัญญากับบริษัทฯ
• เพื่อการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย
• เพื่อการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือของบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัทฯ ซึ่งจะไม่ละเมิดสิทธิพื้นฐาน หรือสิทธิทางเสรีภาพของท่าน
บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากท่าน กรณีที่มีกฎหมายกำหนดให้ขอความยินยอม หรือบริษัทฯ ไม่มีเหตุผลให้ใช้ฐานการประมวลผลข้างต้นเพื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมมาจากท่านได้
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลที่สาม ไม่ว่าจะมีสภาพเป็นนิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดา ภายใต้ขอบเขตที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ หรือการให้บริการอันเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เท่านั้น โดยบริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลแก่
• คู่ค้าทางธุรกิจ ซึ่งอาจมีสถานะเป็นนิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดา เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามการให้บริการแก่ท่าน
• ผู้ให้บริการ หมายถึง นิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดา ที่บริษัทฯ พิจารณาแล้วว่าเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการให้บริการแก่ท่าน ซึ่งผู้ให้บริการที่บริษัทฯ มีการใช้บริการอยู่ เช่น ผู้ประกอบธุรกิจติดตามทวงถามหนี้ ผู้ให้บริการจัดเก็บเอกสาร ผู้ให้บริการจัดพิมพ์เอกสาร ผู้ให้บริการจัดส่งเอกสาร เป็นต้น
• หน่วยงาน หรือ บุคคลอื่นใด ที่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด สถานีตำรวจ ศาล กรมบังคับคดี บริษัทบริหารสินทรัพย์ (คลินิกแก้หนี้) และหน่วยงานอื่นๆ ที่บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องนำส่งข้อมูลตามกฎหมาย
การเก็บรักษา และระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อการใช้ตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทฯ และเพื่อการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย และการกำกับดูแล เช่น กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ที่ให้บริษัทฯ จัดเก็บข้อมูลของท่านไว้เป็นเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ท่านสิ้นสุดสัญญากับบริษัทฯ เว้นแต่บริษัทฯ ใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรืออยู่ระหว่างกระบวนการตามกฎหมาย จนกว่าคดีจะถึงที่สุด ทั้งนี้หากบริษัทฯ ไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอีกต่อไป บริษัทฯ จะลบข้อมูลนั้นออกจากระบบ และ/หรือดำเนินการให้ข้อมูลนั้นกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถบ่งชี้ตัวบุคคล เพื่อที่ท่านจะไม่สามารถถูกบ่งชี้ตัวตนจากข้อมูลนั้นได้อีกต่อไป ทั้งนี้ภายใต้ภาระหน้าที่การดำรงข้อมูลไว้ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
สิทธิของเจ้าของข้อมูล
ท่านมีสิทธิในการดำเนินการ ดังต่อไปนี้
• สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม
ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับ บริษัทฯ ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัทฯ
• สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และขอให้บริษัทฯ ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้กับท่าน รวมถึงขอให้บริษัทฯ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทฯ ทั้งนี้บริษัทฯ อาจปฏิเสธคำขอของท่านหากการเข้าถึง และขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะส่งผลกระทบต่อสิทธิ และเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือบริษัทฯ ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือคำสั่งศาลที่ห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
• สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุผลบางประการ เว้นแต่เป็นกรณีที่ขัดต่อกฎหมาย หรือกระทบต่อสิทธิ และเสรีภาพของบุคคลอื่น
• สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูล
ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ด้วยเหตุผลบางประการได้ เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทฯ มีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่จำเป็นต้องเก็บข้อมูล หรือต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว
• สิทธิในการขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคล หรือระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทฯ ทำการลบข้อมูลของท่าน หรือระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ด้วยเหตุผลบางประการได้ เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทฯ ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว
• สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทฯ แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ ท่านสามารถปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามขั้นตอนของบริษัทฯ
กิจกรรมทางการตลาด และการส่งเสริมการตลาด
บริษัทฯ ใช้ข้อมูลบางอย่างของท่านเพื่อทำการตลาดที่ตรงตามความสนใจของท่าน เพื่อที่ท่านจะได้รับแจ้งเกี่ยวกับกิจกรรม ข้อเสนอการส่งเสริมการขาย ผลิตภัณฑ์ และบริการที่ท่านอาจมีความสนใจ โดยท่านสามารถดำเนินการยกเลิกในการรับแจ้งข้อมูลข่าวสารดังกล่าวจากทางบริษัทฯ ได้
การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติ และกฎหมาย ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบด้วยการประกาศข้อมูลลงในเว็บไซต์ของบริษัทฯ โดยเร็วที่สุด